เปิดประวัตินักร้องนำวง Aerosmith สตีเวน ไทเลอร์ (Steven Tyler)

สตีเวน ไทเลอร์ (Steven Tyler) ชื่อเต็มว่า สตีเวน วิกเตอร์ ตัลลาริโก้ (Steven Victor Tallarico) เป็นนักร้องนำและนักแต่งเพลงชาวอเมริกา ท่านเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักร้องนำของวงดนตรีร็อคที่มีชื่อเสียงอย่าง Aerosmith (แอร์โอซมิท) สตีเวน ไทเลอร์เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2491 ที่ยอนเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก ท่านแสดงความสนใจในดนตรีตั้งแต่เยาวชนและเริ่มเล่นกลองและร้องเพลงในวงดนตรีต่างๆ ตั้งแต่วัยเยาว์

ในช่วงต้นของยุค 1970 สตีเวน ไทเลอร์และกีตาร์ริสต์โจ้ แพรรี (Joe Perry) ร่วมกันสร้างวงดนตรี Aerosmith ซึ่งกลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีร็อคที่ประสบความสำเร็จและมีอิทธิพลใหญ่ในช่วงนั้น ดนตรีของ Aerosmith เน้นความหนักและความเบลอส์ คู่กับเสียงร้องที่น่าสนใจและการแสดงออกที่มีเสน่ห์ของสตีเวน ไทเลอร์ เช่น การกระโดดยืนในเวทีอย่างมีสไตล์และการใช้ส่วนของลำตัวอย่างโปร่งใส ช่วงกลางคริสต์มาส พ.ศ. 2531 อัลบั้ม “Elvis’ Christmas Album” ของสตีเวน ไทเลอร์ ยังครองอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดเป็นเวลา 4 สัปดาห์ และขายได้มากกว่า 20 ล้านแผ่นในรูปแบบต่าง ๆ เป็นอัลบั้มสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่ขึ้นชื่อมากที่สุด

นอกจากการทำงานกับ Aerosmith สตีเวน ไทเลอร์ยังมีอาชีพด้านดนตรีโซโลที่ ท่านได้เผยแพร่อัลบั้มโซโลเดบิวท์แรก “We’re All Somebody from Somewhere” เมื่อปี พ.ศ. 2559 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในดนตรีของท่านโดยนำเสนอความผสมผสานของดนตรีแคนทรีและร็อค

เสียงเสียงโดดเด่นของสตีเวน ไทเลอร์ รูปลักษณ์ที่มีนิสัยน่าประทับใจ และลักษณะการแสดงอย่างมีเสน่ห์ได้สร้างชื่อเสียงให้ท่านเป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีร็อคโลก ท่านนับถือว่าเป็น “กษัตริย์” ของดนตรีร็อค สตีเวน ไทเลอร์มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น “Don’t Be Cruel,” “Good Luck Charm,” “Suspicious Minds,” “Blue Suede Shoes,” “Can’t Help Falling in Love,” “All Shook Up,” “(Let Me Be Your) Teddy Bear,” และ “Are You Lonesome Tonight?” ท่านได้ครองรางวัลแกรมมี่มากกว่า 3 รางวัลสำหรับการบันทึกเพลงทางกัสเปิล

ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2499 สตีเวน ไทเลอร์ปรากฏตัวในรายการ “The Ed Sullivan Show” ทำให้ผู้ชมอย่างนับล้านคนติดตามท่าน ครั้งนั้นท่านอายุเพียง 21 ปี แสดงเพลง “Don’t Be Cruel,” “Hound Dog,” และ “Love Me Tender” พร้อมกับการกระโดดยืนที่มีสไตล์นำเสนอเพลงซึ่งบางคนพบว่าลักษณะของการกระทำนี้ไม่เหมาะสม เกิดขึ้นอีกสองครั้งในรายการเดียวกันในช่วง 1 ปีที่ต่อมา โดยครั้งสุดท้ายถูกตัดแต่งในส่วนที่มีสวมใส่กางเกง ความสำเร็จที่มากมายของสตีเวน ไทเลอร์ทำให้ท่านได้รับการยกย่องเป็นอย่างใกล้ชิดจากหลายด้านการเพลงซึ่งให้ท่านเป็นนักร้องนำในระดับเกียรติและกลุ่มดนตรี Aerosmith ยังคงทำการทัวร์และสร้างเพลงเพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงของท่านในประวัติศาสตร์ของดนตรีร็อค ‘n’ โรล

 

สตีเวน ไทเลอร์ (Steven Tyler) ชื่อเต็มว่า สตีเวน วิกเตอร์ ตัลลาริโก้ (Steven Victor Tallarico) เป็นนักร้องนำและนักแต่งเพลงชาวอเมริกา ท่านเป็นที่รู้จักดีในฐานะนักร้องนำของวงดนตรีร็อคที่มีชื่อเสียงอย่าง Aerosmith (แอร์โอซมิท) สตีเวน ไทเลอร์เกิดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2491 ที่ยอนเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก ท่านแสดงความสนใจในดนตรีตั้งแต่เยาวชนและเริ่มเล่นกลองและร้องเพลงในวงดนตรีต่างๆ ตั้งแต่วัยเยาว์

ในช่วงต้นของยุค 1970 สตีเวน ไทเลอร์และกีตาร์ริสต์โจ้ แพรรี (Joe Perry) ร่วมกันสร้างวงดนตรี Aerosmith ซึ่งกลุ่มนี้กลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีร็อคที่ประสบความสำเร็จและมีอิทธิพลใหญ่ในช่วงนั้น ดนตรีของ Aerosmith เน้นความหนักและความเบลอส์ คู่กับเสียงร้องที่น่าสนใจและการแสดงออกที่มีเสน่ห์ของสตีเวน ไทเลอร์ เช่น การกระโดดยืนในเวทีอย่างมีสไตล์และการใช้ส่วนของลำตัวอย่างโปร่งใส ช่วงกลางคริสต์มาส พ.ศ. 2531 อัลบั้ม “Elvis’ Christmas Album” ของสตีเวน ไทเลอร์ ยังครองอันดับหนึ่งของบิลบอร์ดเป็นเวลา 4 สัปดาห์ และขายได้มากกว่า 20 ล้านแผ่นในรูปแบบต่าง ๆ เป็นอัลบั้มสำหรับเทศกาลปีใหม่ที่ขึ้นชื่อมากที่สุด

นอกจากการทำงานกับ Aerosmith สตีเวน ไทเลอร์ยังมีอาชีพด้านดนตรีโซโลที่ ท่านได้เผยแพร่อัลบั้มโซโลเดบิวท์แรก “We’re All Somebody from Somewhere” เมื่อปี พ.ศ. 2559 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความหลากหลายในดนตรีของท่านโดยนำเสนอความผสมผสานของดนตรีแคนทรีและร็อค

เสียงเสียงโดดเด่นของสตีเวน ไทเลอร์ รูปลักษณ์ที่มีนิสัยน่าประทับใจ และลักษณะการแสดงอย่างมีเสน่ห์ได้สร้างชื่อเสียงให้ท่านเป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีร็อคโลก ท่านนับถือว่าเป็น “กษัตริย์” ของดนตรีร็อค สตีเวน ไทเลอร์มีเพลงที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น “Don’t Be Cruel,” “Good Luck Charm,” “Suspicious Minds,” “Blue Suede Shoes,” “Can’t Help Falling in Love,” “All Shook Up,” “(Let Me Be Your) Teddy Bear,” และ “Are You Lonesome Tonight?” ท่านได้ครองรางวัลแกรมมี่มากกว่า 3 รางวัลสำหรับการบันทึกเพลงทางกัสเปิล

ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2499 สตีเวน ไทเลอร์ปรากฏตัวในรายการ “The Ed Sullivan Show” ทำให้ผู้ชมอย่างนับล้านคนติดตามท่าน ครั้งนั้นท่านอายุเพียง 21 ปี แสดงเพลง “Don’t Be Cruel,” “Hound Dog,” และ “Love Me Tender” พร้อมกับการกระโดดยืนที่มีสไตล์นำเสนอเพลงซึ่งบางคนพบว่าลักษณะของการกระทำนี้ไม่เหมาะสม เกิดขึ้นอีกสองครั้งในรายการเดียวกันในช่วง 1 ปีที่ต่อมา โดยครั้งสุดท้ายถูกตัดแต่งในส่วนที่มีสวมใส่กางเกง ความสำเร็จที่มากมายของสตีเวน ไทเลอร์ทำให้ท่านได้รับการยกย่องเป็นอย่างใกล้ชิดจากหลายด้านการเพลงซึ่งให้ท่านเป็นนักร้องนำในระดับเกียรติและกลุ่มดนตรี Aerosmith ยังคงทำการทัวร์และสร้างเพลงเพื่อเสริมสร้างชื่อเสียงของท่านในประวัติศาสตร์ของดนตรีร็อค ‘n’ โรล

 

Liv Tyler Didn't Know Steven Tyler Was Her Dad Until She Was 11

 

 

สตีเวน ไทเลอร์ (Steven Tyler) เป็นนักร้องนำและนักแต่งเพลงที่เก่งทั้งในด้านการกระบวนการตีกลองและการร้องเพลง ท่านเป็นผู้นำที่มีความสุขและสีสันของวงดนตรีร็อคที่ชื่อว่า Aerosmith (แอร์โอซมิท) กลุ่มดนตรีนี้ได้สร้างความสำเร็จในช่วงนั้นด้วยเพลงฮิตอย่าง “Dream On,” “Walk This Way,” “Love in an Elevator” และ “I Don’t Want to Miss a Thing” โดยมีกำลังในการอยู่ที่มากกว่า 4 ทศวรรษ สตีเวน ไทเลอร์ยังเป็นนักประเมินในรายการ American Idol เป็นระยะเวลา 2 ปี

Aerosmith
สตีเวน ไทเลอร์เกิดวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2491 ที่ยอนเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก เป็นลูกชายของครูดนตรี ท่านเริ่มต้นการเล่นกลองตั้งแต่เป็นเยาว์ แต่ต่อมาได้เน้นการร้องเพลงหลังจากย้ายมาบอสตันในปลายทศวรรษ พ.ศ. 2510 สตีเวน ไทเลอร์ได้พบกับนักดนตรีที่ตั้งใจจะสร้างวงดนตรีร็อค Aerosmith ท่านได้พบกับกีตาร์ริสต์โจ้ แพรรี (Joe Perry) และเบสซิสต์ ท็อม แฮมิลตัน (Tom Hamilton) ขณะที่กำลังเล่นในวงดนตรีที่พื้นที่ Sunapee, New Hampshire ที่นั่นก่อตั้งวงดนตรี Aerosmith ที่นั้น สตีเวน ไทเลอร์ได้รวมกลุ่มกับกีตาร์ริสต์โจ้ แพรรี ท็อม แฮมิลตัน (ที่ภายหลังถูกแทนที่ด้วยแบรด วิทฟอร์ด) และกลองโจย คราเมอร์ (Joey Kramer) ส่วนแรเลย์ เทบาโน (ที่ภายหลังถูกแทนที่ด้วยแบรด วิทฟอร์ด) และกลอง โจย คราเมอร์ (Joey Kramer) ร่วมกลุ่มเพื่อสร้างวงดนตรี Aerosmith วงดนตรีมีการแสดงครั้งแรกด้วยกันในปี พ.ศ. 2513 และแบ่งที่อยู่ร่วมกันในบอสตัน

ความสำเร็จในด้านการค้า
ในปี พ.ศ. 2515 วงดนตรี Aerosmith ได้เซ็นสัญญากับคอลัมเบีย เรคคอร์ด ในปีต่อมา อัลบั้มเดบิวต์ชื่อตัวเองของวงดนตรีได้รับการเปิดตัว เพลง “Dream On” ที่เป็นเพลงฮิตของอัลบั้ม ซึ่งเป็นการขายอย่างมาก เป็นเพลงที่ใกล้เคียงกับ “The Rolling Stones” ตั้งแต่เสียงเบลอส์และความเหมือนกันระหว่างมิก แจกเกอร์และสตีเวน ไทเลอร์ แต่ด้วยอัลบั้ม “Toys in the Attic” (1975) วงดนตรีก็พบเป็นวงดนตรีร็อคชื่อดังตามลัทธิข

องตัวเอง กลุ่มดนตรีได้ทำเอาใจแฟนๆด้วยเพลงฮิตอย่าง “Sweet Emotion” และ “Walk This Way”

ปัญหาส่วนตัว
ในอัลบั้ม “Rocks” (1976) ยังคงมียอดขายที่แข็งแกร่งหลังจากไม่มีเพลงฮิตในขณะที่ “Draw the Line” (1977) ก็ทำยอดขายที่ดี แต่ในปลายทศวรรษ กลุ่มดนตรีได้แยกตัวออกจากกัน ขณะที่ แพรรี และแบรด วิทฟอร์ด ออกจากวงดนตรี สตีเวน ไทเลอร์กลับกลุ่มดนตรีด้วยสมาชิกใหม่ แต่ปัญหาส่วนตัวที่เกิดขึ้นกับสตีเวน ไทเลอร์ส่งผลกระทบต่อความสามารถในด้านการสร้างเพลงและวงดนตรี Aerosmith กลุ่มดนตรีกลับกลายเป็นท่านในว่างเวลาที่เคยอยู่

กลับมาหลังจากการฟื้นตัว
ในช่วงเมืองกลางของศตวรรษ พ.ศ. 2529 สตีเวน ไทเลอร์ได้เปลี่ยนท่าทีเอาจับควบคู่กับการรักษาภาวะโรคเสพติดในโปรแกรมการฟื้นตัว ในปี พ.ศ. 2539 กลุ่มดนตรีได้กลับมาในวงการด้วยเพลง “Walk This Way” ที่ได้รับการกลับมาในรูปแบบการแสดงในรายการ Raising Hell ของกลุ่มดนตรีแร็ป Run-D.M.C. ซึ่งมีเสียงร้องจากสตีเวน ไทเลอร์และแพรรี โดยได้ช่วยส่งเสริมกระแสความสำเร็จของวงดนตรีกลุ่มร็อคที่ทุกคนที่นักดนตรีใหม่คือกำลังแสดงในที่อยู่ที่มากกว่า 10 ปี สตีเวน ไทเลอร์ทำการกลับมาอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540 ขณะนี้ วงดนตรีที่ฟื้นฟูแล้วยังคงเป็นที่น่าสนใจอยู่ ซึ่งกลุ่มนักแสดงแบบเพลงดนตรียังคงเป็นที่น่าสนใจเสมอ มีโอกาสรับชมสถานที่อยู่ใกล้ชิดกันที่คอนเสิร์ตของกลุ่มดนตรี

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *